Friday, November 18, 2011

แบบทดสอบวิชาการบริหารการจัดซื้อ

แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 1
จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. กระบวนการดำเนินงานที่จะได้วัสดุ สินค้าและบริการที่จำเป็นในการผลิต ปริมาณคุณภาพและในเวลาที่ต้องการคือข้อใด
ก. การจัดหา ข. การจัดซื้อ
ค. การวางแผนการผลิต ง. การบริหารการจัดการ
2. การพิจารณาเทคนิคที่สามารถนำไปใช้งานได้ โดยพิจารณาจากความเหมาะสมเป็นหลักในการจัดซื้อข้อใด
ก. คุณสมบัติที่ถูกต้อง ข. จำนวนที่ถูกต้อง
ค. ราคาที่ถูกต้อง ง. ถูกทุกข้อ
3. การพิจารณาความประหยัดที่ช่วยให้ต้นทุนลดลงสามารถนำไปใช้งานได้ เป็นหลักการจัดซื้อข้อใด
ก. คุณสมบัติที่ถูกต้อง ข. จำนวนที่ถูกต้อง
ค. ราคาที่ถูกต้อง ง. ถูกทุกข้อ
4. การพิจารณาความสามารถในการขนส่งวัสดุเข้าโรงงานหรือคลังสินค้า ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย การคุ้มครองป้องกัน และการรักษาสภาพสินค้าด้านใด
ก. ราคาที่ถูกต้อง ข. จำนวนทีถูกต้อง
ค. แหล่งผู้ขายที่ถูกต้อง ง. คุณสมบัติที่ถูกต้อง
5. ข้อใดเป็นลักษณะของการจัดซื้อ
ก. การจัดซื้อเพื่อขายต่อ ข. การขัดซื้อเพื่อแปรสภาพ
ค. การจัดซื้อเพื่อการบริโภค ง. ถูกทุกข้อ
6. การจัดซื้อวัตถุดิบ สินค้า หรือการบริการต่างๆ เพื่อการเก็งกำไร โดยส่วนมากจะผ่านพ่อค้าคนกลางเป็นการซื้อในลักษณะใด
ก. Purchasing for conversion
ข. Purchasing forresale
ค. Purchasing forconsumption
ง. Purchasing formanufactor
7. การจัดซื้อแรกเริ่ม หมายถึงข้อใด
ก. Purchasing for conversion
ข. Purchasing forresale
ค. Purchasing forconsumption
ง. Purchasing formanufactor
8. ลักษณะของการจัดซื้อเพื่อนำไปใช้ในการผลิต จัดทำโดยตัวแทนจัดซื้อ คือข้อใด
ก. การจัดซื้อเพื่อการขายต่อ ข. การจัดซิ้อเพื่อแปรสภาพ
ค. การจัดซื้อเพื่อการบริโภคโดยตรง ง. ถูกทุกข้อ
9. ลักษณะการจัดซิ้อที่ไม่เป็นไปตามหลักและทฤษฎีการจัดซื้อ คือข้อใด
ก. การจัดซื้อเพื่อการขายต่อ ข. การจัดซิ้อเพื่อแปรสภาพ
ค. การจัดซื้อเพื่อการบริโภคโดยตรง ง. ถูกทุกข้อ
10. ลักษณะการจัดซิ้อที่เป็นแบบแผนและจัดเป็นระบบสมบูรณ์มากกว่าการจัดซื้อประเภทอื่น คือข้อใด
ก. การจัดซื้อเพื่อการขายต่อ ข. การจัดซิ้อเพื่อแปรสภาพ
ค. การจัดซื้อเพื่อการบริโภคโดยตรง ง. ถูกทุกข้อ
11. การจัดซื้อขึ้นอยู่กับอารมณ์และความพอใจของผู้ซื้อ เป็นลักษณะของการจัดซื้อแบบใด
ก. การจัดซื้อเพื่อการขายต่อ ข. การจัดซิ้อเพื่อแปรสภาพ
ค. การจัดซื้อเพื่อการบริโภคโดยตรง ง. การจัดซื้อเพื่อการอุตสาหกรรม
12. การเช่า การซ่อม การผลิตเอง การเปลี่ยนการโอน การจัดระบบลำเลียงนำส่งการรับและตรวจรับของที่นำส่ง การคุ้มครองสภาพของสินค้าในคลัง เป็นลักษณะของข้อใด
ก. การจัดซื้อ ข. การจัดหา
ค. การจัดจำหน่าย ง. การจัดหาแหล่งขาย
13. โครงสร้างหลัก 3 งานของการจัดซื้อที่สำคัญของธุรกิจได้แก่ งานด้านใดบ้าง
ก. การผลิต การขาย และการเงิน ข. การจัดการ การผลิต และการขาย
ค. การจัดการ กานขาย และการเงิน ง. การผลิต การจัดการ และการเงิน
14. การจัดซื้อที่ปฏิบัติกันโดยทั่วไปในปัจจุบัน ได้แก่
ก. การวิเคราะห์ใช้ ข. ประเมินราคา คุณภาพ การส่งมอบ
ค. ตรวจสอบวัสดุ ง. ถูกทุกข้อ
15. การตรวจสอบสินค้า จะกระทำเป็นประจำตามเวลาที่กำหนด เพื่อวัตุประสงค์ตามข้อใด
ก. ตรวจสอบประสิทธิภาพของการจัดซื้อ
ข. ตรวจสอบปริมาณสินค้า/วัตถุดิบคงเหลือ
ค. ประเมินราคา คุณภาพ และการส่งมอบ
ง. ถูกทุกข้อ
16. วัตถุประสงค์ของการจัดซื้อเป็นเป็นการกำหนดเป้าหมายให้เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่จัดซื้อต้องทำให้สำเร็จตามที่กำหนดไว้ได้แก่ข้อใด
ก. เป็นการควบคุมให้การลงทุนต่ำสุด
ข. รวบรวมข่างสารต่อการตัดสินใจ
ค. ควบคุมต้นทุนรวมของกิจการ
ง. ถูกทุกข้อ
17. หน้าที่การจัดซื้อ คือการจัดหาวัตถุดิบ วัสดุอุปกรณ์ เครื่องใช้ เครื่องจักร เพื่อสนองความต้องการของกิจการ ถือเป็นหน้าที่ในลักษณะใดของงาน
ก. งานขั้นพื้นฐานของระบบการผลิต
ข. งานหลักงานหนึ่งของธุรกิจ
ค. งานที่ช่วยสร้างกำไรให้กิจหาร
ง. งานในการจัดหาของใช้ทั้งหมดขององค์การธุรกิจ
18. การติดต่อเจรจาประสานงานกับบรรดาตัวแทนขายขององค์การอื่นๆ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดคือ
ก. การสร้างกำไรให้กิจการ
ข. งานหลักหนึ่งของธุรกิจ
ค. งานในการจัดหาของใช้ทั้งหมดของกิจการ
ง. การสร้างภาพพจน์ที่ดีให้กิจการ
19. การสรรหาและคัดเลือกแหล่งขาย การเจรจาต่อรอง การจัดทำตารางปฏิบัติ การสืบราคา การทำสัญญา เป็นส่วนหนึ่งของขอบเขตงานจัดซื้อด้านใด
ก. ความต้องการการใช้ของกิจการ
ข. การจัดสินใจในการจัดหา
ค. การกำหนดขั้นตอนในการปฏิบัติงาน
ง. การบริหารพัสดุ
20. ข้อใดต่อไปนี้เป็นหน้าที่งานหลักของการจัดซื้อ
ก. การกำหนดมาตรฐานของพัสดุ ข. จัดทำงบประมาณวัสดุ
ค. งานด้านการบริหารวัสดุ ง. ถูกทุกข้อ
แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 2
จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1.ข้อใดต่อไปนี้เป็นหลักในการกำหนดวิธีปฏิบัติในการจัดซื้อโดยทั่วไปแล้ว
ก. ปฏิบัติงานที่กำหนดให้ได้ผลสำเร็จเร็วที่สุด
ข. ทำเป็นระบบเพื่อให้ง่ายต่อการปฏิบัติ
ค. ปรับตัวยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ได้
ง. ถูกทุกข้อ
2. ข้อใดต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการปฏิบัติงานการจัดซื้อ
ก. คัดเลือกแหล่งขาย
ข. พิจารณาราคาและเงื่อนไขที่ผู้ขายเสนอ
ค. การสั่งซื้อ
ง. ถูกทุกข้อ
3. การขจัดปํญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากการจัดซื้อฉุกเฉินหรือในจำนวนไม่มาก ทำให้เกิดความยุ่งยากและสิ้นเปลืองได้ ควรปฏิบัติตามขั้นตอนใดของการจัดซื้อต่อไปนี้
ก. กำหนดความต้องการและรายละเอียดของคุณสมบัติ
ข. กำหนดขั้นตอนเกี่ยวกับเอกสารการจัดซื้อ
ค. คัดเลือกแหล่งขาย
ง. พิจารณาราคาและเงื่อนไขที่ผู้ขายเสนอ
4. งานที่ต้องดำเนินหลังจากการอนุมัติให้สั่งซื้อของฝ่ายจัดซื้อ คืองานใด
ก. คัดเลือกแหล่งขาย ข. พิจารณาราคาและเงื่อนไขที่ผู้ขายเสนอ
ค. กำหนดรายละเอียดและคุณสมบัติ ง. การสั่งซื้อ
5. การพิจารณาราคาและเงื่อนไขที่ผู้ขายเสนอสามารถทำได้โดย
ก. การเจรจาต่อรอง ข. สืบราคาจากแค็ตตาล็อก
ค. ศึกษาจากข้อมูลเดิม ง. ข้อ ก และ ข ถูกต้อง
6. เอกสารในการจัดซื้อจะมีจำนวนชนิดมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับข้อใด
ก. ระบบการจัดซื้อ ข. ขนาดของกิจการ
ค. ระบบบัญชีและวิธีการคบคุม ง. ถูกทุกข้อ
7. ข้อใดเป็นลักษณะของเอกสารการจัดซื้อที่ดี
ก. เป็นเอกสารที่มีข้อมูลชัดเจนและเข้าใจง่าย
ข. ผิดพลาดน้อยที่สุด
ค. มีรูปแบบเหมาะสม ประหยัด และมีประสิทธิภาพ
ง. ถูกทุกข้อ
8. เอกสารที่ฝ่ายจัดซื้อทำขึ้นและส่งไปยังฝ่ายอื่นๆในกิจการเพื่อแสดงความต้องการจัดซื้อสินค้าหรือพัสดุได้แก่เอกสารตามข้อใด
ก. The Request - for - Quotation ข. Purchase Order
ค. Purchaserequisition ง. PurchaseRecord
9. เอกสารที่มีรายละเอียดและคุณลักษณะเฉพาะของสินค้าหรือวัสดุที่ต้องการ รวมทั้งปริมาณและเงื่อนไขการขนส่งได้แก่เอกสารตามข้อใด
ก. ใบขอซื้อ ข. ใบบันทึกการซื้อ
ค. ใบสอบถามราคา ง. ใบตรวจรับ
10. เอกสารที่ฝ่ายจัดซื้อทำขึ้นและส่งไปให้ผู้ขายเพื่อยืนยันการสั่งซื้อเป็นลายลักษณ์อักษรและมีผลเป็นสัญญาในการซื้อขายทางกฏหมายได้แก่ข้อใด
ก. ใบสั่งซื้อ (Purchase Order)
ข. ใบสอบราคา (The Request - for - Quotation)
ค. ใบขอซื้อ (Purchaserequisition)
ง. ใบบันทึกการซื้อ (PurchaseRecord)
11. เอกสารที่ฝ่ายจัดซื้อใช้เป็นการสรุปผลการดำเนินงานเสนอผู้บริหาร ได้แก่ข้อใดบ้าง
ก. บันทึกการขาย ข. บันทึกการซื้อ
ค. บันทึกเกี่ยวกับเครื่องมือและเครื่อง ง. การให้รหัสสินค้าที่ซื้อมา
12. เอกสารที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานของฝ่ายจัดซื้อในการเขียนใบสั่งซื้อ และออกใบสั่งซื้อคือ เอกสารตามข้อใด
ก. บันทึกการขาย ข. บันทึกการซื้อ
ค. บันทึกเกี่ยวกับเครื่องมือและเครื่อง ง. การให้รหัสสินค้าที่ซื้อมา
13. วิธีการจัดซื้อในปัจจุบันที่นิยมปฏิบัติได้แก่วิธีการจัดซื้อตามข้อใด
ก. วิธีของธุรกิจเอกชนและราชการ
ข. วิธีของทางเอกชนอย่างเดียว
ค. วิธีของทางราชการอย่างเดียว
ง. ผิดทุกข้อ
14. การจัดซื้อของธุรกิจเอกชนได้แก่การจัดซื้อตามข้อใด
ก. ใบแจ้งราคา ข. การต่อรองราคา
ค. การประมูลราคา ง. ถูกทุกข้อ
15. วิธีที่ผู้ชื้อเป็นฝ่ายกำหนดเงื่อนไข จำนวน มาตรฐาน และคุณภาพ ให้กับผู้ขายหลายๆราย เรียกว่าวิธีการซื้อตามข้อใด
ก. การสอบราคา ข. การประกวดราคา
ค. การประมูลราคา ง. การต่อรองราคา
16. การซื้อหรือการข้างครั้งหนึ่งไม่เกิน 50,000 บาท ในการณีจำเป็นและเร่งด่วนและเกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดหมายไง้ล่วงหน้าคือวิธีการตามข้อใด
ก. วิธีประกวดราคา ข. วิธีพิเศษ
ค. วิธีตกลงราคา ง. วิธีกรณีพิเศษ
16. การซื้อหรือการจ้างครั้งหนึ่ง ซึ่งมีราคาเกิน 100,000 บาท แต่ไม่เกิน 2,000,000 บาท คือการซื้อตามข้อใดต่อไปนี้
ก. วิธีตกลงราคา ข.วิธีประกวดราคา
ค. วิธีการสอบราคา ง. วิธีกรณีพิเศษ
17. การซื้อหรือการจ้างครั้งหนึ่ง ซึ่งมีราคาเกิน 2,000,000 บาท เป็นการซื้อตามวิธีใด
ก. วิธีตกลงราคา ข.วิธีประกวดราคา
ค. วิธีการสอบราคา ง. วิธีกรณีพิเศษ
18. การซื้อหรือการจ้างครั้งหนึ่ง ซึ่งมีราคาเกิน 2,000,000 บาท เป็นการซื้อตามวิธีใด
ก. วิธีตกลงราคา ข.วิธีประกวดราคา
ค. วิธีการสอบราคา ง. วิธีกรณีพิเศษ
19. การซื้อครั้งหนึ่ง ซึ่งมีราคาเกิน 100,000 บาท ให้ได้กระทำเฉพาะเช่น การซื้อพัสดุเพื่อใช้ในราชการลับ
ก. วิธีพิเศษ ข. วิธีประกวดราคา
ค. วิธีการราคา ง. วิธีกรณีพิเศษ
20. การจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ ควรใช้การจัดซื้อประเภทใดต่อไปนี้
ก. วิธีพิเศษ ข. วิธีประกวดราคา
ค. วิธีการราคา ง. วิธีกรณีพิเศษ
แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 3
จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. การพิจารณาในการสั่งซื้อว่าเป็นจำนวนเท่าใด จึงจะทำให้ราคาในการสั่งซื้อนั้นประหยัดที่สุดขึ้นอยู่กับสิ่งใด
ก. ราคาหรือต้นทุนในการสั่งซื้อ ข. จำนวนสั่งซื้อที่ประหยัด
ค. จำนวนครั้งที่ต้องออกใบสั่งซื้อ ง. ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการสต๊อกสินค้าหรือพัสดุ
2. การกำหนดปริมาณการจัดซื้อ โดยคำนึงถึงจุดสูงสุด (Maximum Point) และจุดต่ำสุดที่จะได้รับ (Minimum Point) คือข้อใด
ก. ราคาหรือต้นทุนในการสั่งซื้อ ข. จำนวนสั่งซื้อที่ประหยัด
ค. จำนวนครั้งที่ต้องออกใบสั่งซื้อ ง. ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการสต๊อกสินค้าหรือพัสดุ
3. ระยะเวลาในการตงลงราคาสั่งซื้อสินค้าหรือพัสดุอาจเสียเวลานานและเสียค่าใช้จ่ายสูงนั้นขึ้นอยู่กับสิ่งใด
ก. ค่าใช้จ่ายในการเจรจาเพื่อการจัดซื้อ ข. ราคาหรือต้นทุนในการสั่งซื้อ
ค. จำนวนครั้งที่ต้องออกใบสั่งซื้อ ง. ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการสต๊อกสินค้าหรือพัสดุ
4. การจัดซื้อที่ไม่จำเป็นต้องมีขั้นตอนในการจัดซื้อที่ยุ่งยากได้แก่ข้อใด
ก. การซื้อตกลงราคา ข. การซื้อโดยประกวดราคา
ค. การซื้อย่อย ง. วิธีโดยสอบราคา
5. การซื้อโดนผู้ซื้อจะเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขต่างๆ เป็นการซื้อในลักษณะข้อใด
ก. การซื้อตกลงราคา ข. การซื้อโดยประกวดราคา
ค. การซื้อย่อย ง. วิธีสอบราคา
6. การซื้อโดยกำหนด Spec ว่าต้องการพัสดุอะไร มีคุณสมบัติอย่างไร ต้องการเท่าใด เมื่อใดจะให้นำส่งอย่างไร ประมาณราคาเป็นเท่าใด เป็นลักษณะการซื้อประเภทใด
ก. การซื้อตกลงราคา ข. การซื้อโดยประกวดราคา
ค. การซื้อย่อย ง. วิธีสอบราคา
7. การจัดซื้อที่ทั้งสองฝ่ายตกลงก่อนจะทำสัญญา เพื่อให้เกิดความพอใจทั้ง 2 ฝ่าย เป็นการซื้อตามข้อใด
ก. การซื้อตกลงราคา ข. การซื้อโดยประกวดราคา
ค. การซื้อย่อย ง. วิธีสอบราคา
8. ข้อใดเป็นความจำเป็นที่ใช้ในการเจรจาต่อรอง
ก. การเปลี่ยนแปลงทางเทคนิค
ข. ธุรกิจที่มีลักษณะผูกขาดหรือกึ่งผูกขาด
ค. เมื่อมีการจัดซื้ออุปกรณ์ที่มีราคาสูง
ง. ถูกทุกข้อ
9. เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องมือ สารเคมี เป็นสินค้าที่มักจะจำหน่ายในตลาดลักษณะใด
ก. ตลาดอุปทานและราคาคงที่ในระยะสั้น
ข. ตลาดอุปทานและราคาขึ้นลงไม่แน่นอน
ค. ตลาดที่อุปทานและราคาคงที่ในระยะยาว
ง. ตลาดที่อุปทานและราคาขึ้นลงแน่นอน
10. ยางพารา ดีบุก ฝ้าย น้ำมันพืช หนังสัตว์ เป็นสินค้าที่มักจะจำหน่ายในตลาดลักษณะใด
ก. ตลาดอุปทานและราคาคงที่ในระยะสั้น
ข. ตลาดอุปทานและราคาขึ้นลงไม่แน่นอน
ค. ตลาดที่อุปทานและราคาคงที่ในระยะยาว
ง. ตลาดที่อุปทานและราคาขึ้นลงแน่นอน
แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 4
จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1.คุณสมบัติของแหล่งผู้ขายที่ดีได้แก่ข้อใด
ก. ซื่อสัตย์ สุจริต และยุติธรรม ในการติดต่อลูกค้า และตนเอง
ข. มีความสามารถในการจัดเตรียมเพื่อจัดส่งให้ผู้ซื้อได้ถูกต้อง
ค. กำหนดราคาอย่างยุติธรรม ทั้งสำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย
ง. ถูกทุกข้อ
2. การรวบรวมข้อมูลจากประสบการณ์และความจำเป็นเอกสารบันทึกรายละเอียดของผู้ขายเรียกว่าอะไร
ก. แฟ้มผู้ขาย (Vendor file)
ข. แค็ตตาล็อก (Catalogs)
ค. รายนามผู้ประกอบการค้า (Trade Directory)
ง. วารสารการค้า (Trade Journals)
3. เอกสารจัดพิมพ์โดยผู้ขาย ซึ่งมีรายการและคำอธิบายรายการสินค้าที่แหล่งขายมีไว้ขาย
ก. แฟ้มผู้ขาย (Vendor file)
ข. แค็ตตาล็อก (Catalogs)
ค. รายนามผู้ประกอบการค้า (Trade Directory)
ง. วารสารการค้า (Trade Journals)
4. เอกสารฉบับนี้จะมีรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับผู้ขาย เช่น สถานที่ตั้ง ลักษณะการค้า ผลิตภัณฑ์ ตรายี่ห้อ ซึ่ง ฝ่ายจัดซื้อจะมีไว้ประจำเพื่อการค้นหา คือข้อใด
ก. Vendor file ข. Catalogs
ค. Trade Directory ง. Trade Journals
5. เป็นแหล่งข้อมูลที่ตีพิมพ์ข้อมูลต่างๆที่น่าสนใจของวงการธุรกิจ ได้แก่เอกสารตามข้อใด
ก. Vendor file ข. Catalogs
ค. Trade Directory ง. Trade Journals
6. แหล่งข้อมูลที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี มีการจำแนกประเภทของผู้ใช้โทรศัพท์ตามประเภทของธุรกิจ คือข้อใด
ก. Yellow Page ข. Vendor file
ค. Catalogs ง. Trade Journals
7. การสร้างความสนใจให้กับผู้ซื้อ และผู้ที่สนใจ สามารถหาขอมูลได้จากแหล่งใด
ก. นิทรรศการทางการค้าและการแสดงสินค้า
ข. แค็ตตาล็อก
ค. แฟ้มผู้ขาย
ง. วารสารการค้า
8. ในการหาข้อมูลข่าวสาร ฝ่ายจัดหารซื้อโดยการขอให้ผู้ชายขายจัดส่งเป็นเอกสารให้บอกราคาและเงื่อนไขต่างๆวิธีนี้ใช้กับการจัดซื้อชิ้นส่วนหรือบริการที่สำคัญ คือข้อใด
ก. การขอใบเสนอราคา ข. แค็ตตาล็อก
ค. แฟ้มผู้ขาย ง. วารสารการค้า
9. การพิจารณาถึงคุณลักษณะเฉพาะของผลิตภัณฑ์หรือแบบของพัสดุหรือสินค้าที่แหล่งผู้ขายเป็นผู้เสนอ คือข้อใด
ก. คุณสมบัติของพัสดุ ข. ปริมาณของพัสดุ
ค. การบริการของแหล่งขาย ง. ฐานะทางด้านการเงิน
10. การพิจารณาจากขนาดของแหล่งผู้ขายที่เสนอมา ถ้ามีขนาดเล็กการเสนอขายก็จะมีจำนวนน้อย คือข้อใด
ก. คุณสมบัติของพัสดุ ข. ปริมาณของพัสดุ
ค. การบริการของแหล่งขาย ง. ฐานะทางด้านการเงิน
11. ฝ่ายจัดซื้อควรศึกษาถึงบริเวณต่างๆที่แหล่งขายเสนอให้ เช่นบริการด้านการขนส่ง คือข้อใด
ก. คุณสมบัติของพัสดุ ข. ปริมาณของพัสดุ
ค. การบริการของแหล่งขาย ง. ฐานะทางด้านการเงิน
12. การพิจารณาฐานะการเงินของแหล่งผู้ขาย ว่ามีความมั่นคงหรือไม่ ได้แก่ข้อใด
ก. คุณสมบัติของพัสดุ ข. ปริมาณของพัสดุ
ค. การบริการของแหล่งขาย ง. ฐานะทางด้านการเงิน
13. การตัดสินใจเลือกแหล่งขายจากการปฏิบัติพิจารณาได้จาก
ก. คุณสมบัติเฉพาะ
ข. การปฏิบัติของแหล่งผู้ขาย
ค. การตัดสินใจเลือกแหล่งขายจากการบริการ
ง. ข้อ ก และ ข ถูกต้อง
14. วิธีการประเมินที่มอบหมายให้บุคลากรฝ่ายต่างๆทำการประเมินผลการปฏิบัติงานของแหล่งขายที่มีต่อกิจการ ผลที่รวบรวมได้จะนำมาบันทึกเป็นคะแนนสูงหรือต่ำไว้ เพื่อใช้ในการประกอบในการตัดสินใจคือข้อใด
ก. การประเมินแบบจำแนกประเภท
ข. การประเมินแบบคะแนนถ่วงน้ำหนัก
ค. การประเมินแบบอัตราส่วนต้นทุน
ง. ถูกทุกข้อ
15. ปัญหาที่เกี่ยวกับการเลือกแหล่งขายคือข้อใด
ก. ปัญหาจากการเลือกแหล่งขายจากหลายแหล่งหรือแหล่งเดียว
ข. ปัญหาการซื้อสินค้าจากคนกลาง หรือโรงงานผลิต
ค. ปัญหาหารซื้อสินค้าจากแหล่งในท้องถื่นหรือแหล่งอื่น
ง. ถูกทุกข้อ
แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 5
จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. งานที่ต้องใช้จิตวิทยาในการโน้มน้าวจูงใจให้ฝ่ายตรงข้ามมีความคิดเห็นคล้อยตามแนวความคิดของเราคือ ข้อใดต่อไปนี้
ก. การเตรียมตัวก่อนเข้าพบ ข. การเจรจาต่อรอง
ค. การหาข้อมูล ง. การพูดจาหว่านล้อม
2. ข้อใดเป็นลักษณะของการเจรจาต่อรองในการจัดซื้อ
ก. ราคา ข. การจ่ายเงิน
ค. การปรับปรุงคุณภาพ ง. ถูกทุกข้อ
3. ข้อใดเป็นลักษณะของการเจรจาต่อรองในการจัดซื้อ
ก. ได้ราคาที่บุติธรรมกับคุณภาพ ข. ทำให้ผู้ขายทำให้ทันตามสัญญา
ค. ควบคุมลักษณะที่มีการปฏิบัติตามสัญญา ง. ถูกทุกข้อ
4. ข้อใดถือเป็นการกำหนดเงื่อนไขการเจรจาต่อรองชัดเจน
ก. ตรวจดูความคิดเห็นเกี่ยวกับผลที่จะได้รับ
ข. ผสมผสานวัตุประสงค์กับฝ่ายตรงข้าม
ค. วางแผนสำรองการปรับเปลี่ยน
ง. วางแผนในการเสนอประเด็นต่างๆ
5. ข้อใดถือเป็นการกำหนดวัตุประสงค์ในการเจรจาต่อรอง
ก. วางแผนในการเสนอประเด็นต่างๆ
ข. วางแผนสำรองการปรับเปลี่ยน
ค. วิเคราะห์ประเด็นต่างๆ
ง. แบ่งประเด็นตามความเหมาะสมกับวัตถุประสงค์
6. การเตรียมความพร้อม (Ready) เป็นการเตรียมความพร้อมในด้านใด
ก. ความต้องการของผู้เจรจาต่อรองข. ความต้องการของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ค. ความต้องการศึกษาข้อมูล ง. ความต้องการของข้อได้เปรียบ
7. ข้อใดเป็นกลยุทธ์ในการเจรจาต่อรอง
ก. Explore ข. Probe
ค. Ready ง. ถูกทุกข้อ
8. นักเจรจาต่อรองต้องรับฟังข้อเสนอของคู่เจรจาเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดทางเลือกคือข้อใด
ก. Explore ข. Probe
ค. Ready ง. ถูกทุกข้อ
9. ถ้าท่านต้องการตั้งคำถามเพื่อนำไปสู่ประเด็นที่ตกลงกันไว้ ควรตั้งคำถามใดต่อไปนี้
ก. ตำถามการครอบคลุม ข. คำถามตรงตัว
ค. คำถามชี้นำ ง. คำถามค้นหาความจริง
10. ข้อใดเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในระหว่างการเจรจาต่อรอง
ก. สถานที่ที่ไม่เหมาะสม ข. การโต้แย้งที่ไร้เหตุผล
ค. การพูดเกินกว่าเท็จจริง ง. ถูกทุกข้อ
11. การสื่อความหมายตามพจนานุกรม เป็นสื่อความหมายในการเจรจาต่อรองเรื่องใด ข้อใด
ก. การใช้คำพูดในการสื่อ ข. การใช้ภาษากายในการสื่อ
ค. การใช้เทคโนโลยีสื่อ ง. การใช้สื่อเทคนิคอื่นเข้าช่วย
12. สัญญาแบบนี้จะมีระบุเงื่อนไขด้านราคาชัดเจน เป็นสัญญาที่ผู้ขายยอมเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงคือข้อใด
ก. Fixed Price Contract
ข. Firm Fixed Price
ค. Fixed Price with Escalation
ง. Cost-type Contracts
13. สัญญาซื้อขายกรรมสิทธ์ที่เจาะจงซื้อทรัพย์สิ่งที่ตนมีอยู่แล้วแน่นอน ไม่มีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา และมีการตกลงราคากันไว้ คือข้อใด
ก. สัญญาซื้อขาย ข. สัญญาจะซื้อจะขาย
ค. สัญญาซื้อขายแบบมีเงื่อนไข ง. สัญญาซื้อขายแบบมีเงื่อนเวลา
14. สัญญาที่มีการโอนกรรมสิทธ์ในทรัพย์สินจากผู้ขายไปยังผู้ซื้อในเวลาข้างหน้า คือข้อใด
ก. สัญญาซื้อขาย ข. สัญญาจะซื้อจะขาย
ค. สัญญาซื้อขายแบบมีเงื่อนไข ง. สัญญาซื้อขายแบบมีเงื่อนเวลา
15. สัญญาที่มีข้อตกลงว่า สัญญาซื้อขายจะเกิดขึ้นหรือไม่อยู่กับเหตุการณ์ในอนาคตจะเป็นไปตามข้อตกลง คือข้อใด
ก. สัญญาซื้อขาย ข. สัญญาจะซื้อจะขาย
ค. สัญญาซื้อขายแบบมีเงื่อนไข ง. สัญญาซื้อขายแบบมีเงื่อนเวลา

แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 6
จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. กระบวนการที่ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่ม (Value Added) หมายถึงข้อใด
ก. การซื้อ ข. การผลิต
ค. การขาย ง. คุณภาพ
2. การกำหนดคุณสมบัติของวัตถุดิบอยู่ในรูปคุณสมบัติเฉพาะ (specification) แสดงโดยช่วงของค่าที่ยอมรับได้ หมายถึงข้อใด
ก. มาตรฐานปัจจัยการผลิต ข. กระบวนการผลิต
ค. กระบวนการซื้อ ง. การควบคุมคุณภาพ
3. ข้อใดต่อไปนี้เป็นปัจจัยการผลิต
ก. วัตถุดิบ ข. พนักงาน
ค. เครื่องจักร อุปกรณ์ ง. ถูกทุกข้อ
4. ข้อใดถือว่าเป็นการกำหนดวิธีการทำงานให้เป็นมาตรฐาน
ก. คำนวณต้นทุนในการผลิต ข. ควบคุมมาตรฐานการผลิต
ค. จัดทำคู่มือปฏิบัติงาน ง. ควบคุมมาตรฐานสภาพแวดล้อม
5. การตัดสินใจผลิตเองหรือซื้อ (Make or Buy Decision) เนื่องมาจากปัจจัยตามข้อใด
ก. ได้รับเทคโนโลยีใหม่ ข. การเพิ่มสินค้า
ค. การสั่งซื้อพิเศษ ง. การควบคุมสินค้า
6. ข้อใดถือว่าเป็น การตัดสินใจเพิ่มหรือยกเลิกแผนกงาน (Add or Delete a Segment Decision)
ก. การปิด/เปิดสาขา
ข. ประเมิณผลแผนกงานใช้วิธีการกำไรส่วนเกิน
ค. การควบคุมคุณภาพ
ง. การสั่งซื้อพิเศษ
7. ข้อใดถือเป็นปัจจัยที่ควรพิจารณาประกอบในการตัดสินใจผลิตสินค้าเอง
ก. การควบคุมคุณภาพ ข. ต้องการชิ้นส่วนระยะสั้น
ค. ความน่าเชื่อถือของผู้ขาย ง. มาตรฐานชิ้นส่วน
8. การพิจารณาความเหมาะสม ในบางกิจการจะมีมาตรฐานเฉพาะของชิ้นส่วนประกอบเป็นการกล่าวถึงเรื่องใด
ก. ปัจจัยในการซื้อสินค้า ข. ปัจจัยในการผลิตสินค้า
ค. ปัจจัยในการควบคุมคุณภาพ ง. ปัจจัยในความปลอดภัย
9. การซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์จัดเป็นการซื้อในระดับใดของผู้บริโภค
ก. การซื้อยุ่งยาก (complex buying behavior)
ข. การซื้อที่เป็นปกตินิสัย (habit buying behavior)
ค. การซื้อแบบเลือกมาก (variety - seeing buying behavior)
ง. การซื้อแบบยุ่งยากน้อยกว่า (dissonance - reducing buying behavior)
10. การซื้อพรม จัดเป็นการซื้อในระดับใดของผู้บริโภค
ก. การซื้อยุ่งยาก (complex buying behavior)
ข. การซื้อที่เป็นปกตินิสัย (habit buying behavior)
ค. การซื้อแบบเลือกมาก (variety - seeing buying behavior)
ง. การซื้อแบบยุ่งยากน้อยกว่า (dissonance - reducing buying behavior)

แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 7
จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. การสั่งซิ้อวัตถุดิบหรือสินค้าต้องใช้เวลารอคอย (lead time) เป็นลักษณะของสินค้าประเภทใด
ก. สินค้าตามสภาพการผลิต ข. สินค้าตามความต้องการเปลี่ยนแปลง
ค. สินค้าเพื่อขายในคราวต่อไป ง. สินค้าเป็นลอต
2. สินค้าที่เตรียมไว้ล่วงหน้าเพื่อการขายในฤดูต่อไปหรือการส่งเสริมการขายสินค้าประเภทใด
ก. สินค้าตามสภาพการผลิต ข. สินค้าตามความต้องการเปลี่ยนแปลง
ค. สินค้าเพื่อขายในคราวต่อไป ง. สินค้าเป็นลอต
3. สินค้าที่ผลิตหรือสั่งซื้อครั้งละมากๆเพื่อลดจำนวนครั้งในการสั่ง เป็นสินค้าประเภทใด
ก. สินค้าตามสภาพการผล ข. สินค้าตามความต้องการเปลี่ยนแปลง
ค. สินค้าเพื่อขายในคราวต่อไป ง. สินค้าเป็นลอต
4. สินค้าที่อยู่ระหว่างการขนส่งจากแห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่งอาจใช้เวลาไม่แน่นอนคือข้อใด
ก. สินค้าตามสภาพการผลิต ข. สินค้าตามความต้องการเปลี่ยนแปลง
ค. สินค้าเพื่อขายในคราวต่อไป ง. สินค้าเป็นลอต
5. สิ่งของหรือรายการต่างๆที่ต้องซื้อมาเพื่อทำการผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปหรือชิ้นส่วนได้แก่ข้อใด
ก. raw materials ข. finished goods
ข. supplies ง. work - in - process
6. กระดาษทราย ถือเป็นสินค้าคงเหลือประเภทใด
ก. วัตถุดิบ ข. วัสดุสิ้นเปลือง
ข. ชิ้นส่วน ง. สินค้าสำเร็จรูป
7. กระบวนการจัดการในการจัดหาวัตถุดิบหรือบริการให้แก่องค์การโดยมีขอบเขตงาน เรียกว่า
ก. การจัดหา ข. การจัดซื้อ
ค. การกระจายสินค้า ง. การผลิต
8. ผู้บริหารด้านจัดซื้อต้องตัดสินใจในเรื่องใดต่อไปนี้
ก. ราคา (Price) ข. คุณภาพ (Quality)
ค. ติดต่อ (Contact) ง. วิเคราะห์ลูกค้า
9. ข้อใดไม่ใช่กระบวนการจัดหาวัตถุดิบ
ก. การรับรู้ความต้องการ (Recognized Need)
ข. การเลือกผู้ขายวัตถุดิบ (Select Suppliers)
ค. การสั่งซื้อ (Place the order)
ง. การผลิต (Production)
10. ผู้ขายมีอิทธิพลเหนือผู้ซื้อต่อเมื่อ
ก. ผู้ซื้อเป็นผู้ซื้อรายย่อยที่มีส่วนแบ่งในการซื้อน้อย
ข. ผู้ซื้อมีข้อจำกัดในการทำบูรณาการย้อนหลัง
ค. ต้นทุนในการเปลี่ยนผู้ขายวัตถุดิบสูง
ง. ผู้ซื้อเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่มีสัดส่วนในการสูง

แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 8
จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. ข้อใดถือเป็นประโยชน์ที่เกิดจากการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ก. การส่งเสริมการผลิต
ข. ช่วยการเพิ่มศักยภาพในทางการค้า
ค. ช่วยให้สะดวก ช่วยให้รวดเร็ว และประหยัดเวลา
ง. ถูกทุกข้อ
2. หน่วยงานใดถือว่าเป็นหน่วยงานนำร่องในการนำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มาใช่ในประเทศไทย
ก. กระทรวงพาณิชย์ ข. กรทรวงอุตสาหกรรม
ค. กรมส่งเสริมการส่งออก ง. กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
3. หลักพื้นฐานที่สำคัญสำหรับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ได้แก่ข้อใด
ก. ระบบสารสนเทศทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic System)
ข. ความสัมพันธ์กับลูกค้าทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic relationship)
ค. ธุรกรรมทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronictransaction)
ง. ถูกทุกข้อ
4. ปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญในการทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ได้แก่ข้อใด
ก. โครงสร้างพื้นฐาน ข. การรักษาความปลอดภัย
ค. ด้านการเงิน ง. ถูกทุกข้อ
5. เทคโนโลยีในการทำธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ต้องอาศัยสิ่งใดเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด
ก. การสร้างเว็บ ข. อินเทอร์เน็ต
ค. ระบบอีคอมเมิร์ธ ง. อีเมล
6. ลักษณะการดำเนินธุรกิจจะเป็นกลุ่มองค์กรทางธุรกิจกับหน่วยงานภาครัฐหมายถึงข้อใด
ก.. B to G ข. B – to – B or B2B
ค. B – to – C or B2C ง. C – to – C or C2C
7. ลักษณะของการค้าส่งหรือการค้าในลักษณะของตัวแทนจำหน่าย หรือเป็นการค้าขนาดใหญ่ระหว่างองค์กรธุรกิจด้วยกัน ได้แก่ข้อใด
ก. Business to Government ( B to G)
ข. Business to Business (B – to – B or B2B)
ค. Business toConsumer (B – to – C or B2C)
ง. Consumer toConsumer(C – to – C or C2C)
8. ลักษณะของการขายปลีก เป็นการจำหน่ายสินค้าจากผู้ขายหรือผู้ผลิตไปยังลูกค้าปลีก หรือเป็นการค้าปลีกไปยังผู้บริโภคทั่วโลกหรือภายในท้องถิ่นของตน หมายถึงข้อใด
ก. Business to Government ( B to G)
ข. Business to Business (B – to – B or B2B)
ค. Business toConsumer (B – to – C or B2C)
ง. Consumer toConsumer(C – to – C or C2C)
9. เป็นการค้าปลีกระหว่างผู้บริโภค บุคคลทั่วไปหรือระหว่างผู้ใช้อินเตอร์เน็ตด้วยกันได้แก่ข้อใด
ก. Business to Government ( B to G)
ข. Business to Business (B – to – B or B2B)
ค. Business toConsumer (B – to – C or B2C)
ง. Consumer toConsumer(C – to – C or C2C)
10. ข้อใดเป็นวัตถุประสงค์ในการจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ก. จัดทำระเบียบบุคคลที่ทำการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ข. ทราบสถิติข้อมูลและหลักฐานของผู้ที่ทำการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ค. สร้างความมั่นใจในการทำธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้กับผู้บริโภค
ง. ถูกทุกข้อ
11. การประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ประกอบการสามารถทำได้โดย
ก. สร้าความน่าเชื่อถือให้กับผู้ประกอบการด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ข. เป็นศูนย์กลางด้านข้อมูลพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ผู้ประกอบการและผู้บริโภค
ค. จัดทำระเบียนบุคคลที่ทำการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ง. สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
12. เว็บไซต์ที่ต้องจดทะเบียนได้แก่ข้อใด
ก. เว็บไซต์ที่มีการส่งมอบสินค้าหรือบริการผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
ข. เว็บไซต์ที่มีการโฆษณาสินค้าของตนเอง โดยไม่ใช้ช่องทางค้าปกติ
ค. เว็บไซต์เสนอข่าวประจำวัน จะมีป้ายโฆษณา (banner) ด้วยหรือไม่
ง. เว็บไซต์ส่วนตัว (ส่วนบุคคล) ที่สร้างขึ้นเพื่อเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัว
13. เว็บไซต์ที่ไม่ต้องจดทะเบียนได้แก่
ก. thairath.com ข. bangkokpost.com
ค. innews.co.th ง. ถูกทุกข้อ
14. ร้านค้าใดต่อไปนี้ที่ไม่ต้องจดทะเบียน
ก. อินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ข. ร้านจำหน่ายสินค้าทางอินเตอร์เน็ต
ค. ร้านขายเครื่องคอมพิวเตอร์ ง. ร้านค้าที่มีระบบตระกร้า
15. E-marketplace เป็นประโยชน์ที่ได้รับจากการจดทะเบียนด้านใด
ก. สร้างความมั่นใจในการทำธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ข. สร้าความน่าเชื่อถือให้กับผู้ประกอบการด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ค. เป็นศูนย์กลางด้านข้อมูลพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ง. ได้รับการส่งเสริมและพัฒนาจากการพัฒนาธุรกิจการค้า
16. ระบบสารสนเทศที่สนับสนุนการตกลงราคา การสอบราคา การประกวดราคา และการจัดซื้อรวมแบบออนไลน์ ได้แก่ข้อใด
ก. e – procurement ข. e – auction
ค. e – marketplace service provider
ง. e – market
17. การจัดหารพัสดุที่เกิดจากการรวมความต้องการจักซื้อพัสดุในปริมาณมาก (Demand Aggregation) ทำให้การสั่งซื้อมีมูลค่าสูงจนสามารถจัดการประมูลได้ ได้แก่ข้อใด
ก. e – procurement ข. e – auction
ค. e – market place service provider
ง. e – market
18. ผู้บริการตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการประมูล และเป็นสื่อกลางระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย โดยมีศูนย์กลางการติดต่ออยู่ที่เว็บไซต์ของตลาดกลางคือข้อใด
ก. e – procurement ข. e – auction
ค. e – market place service provider
ง. e – market
19. วัสดุครุภัณฑ์ที่ควรนำมาพิจารณาในการทำ e – auction จะเป็นวัสดุครุภัณฑ์ที่มีลักษณะเดียวกันได้แก่
ก. วัสดุสำนักงาน ข. การผลิตสินค้า
ค. การให้บริการ ง. การจำหน่ายสินค้า
20. e – catalog จัดอยู่ในประเภท
ก. e – procurement ข. e – auction
ค. e – market place service provider
ง. e – market
21. วงเงินในการจัดหาพัสดุ ที่จะดำเนินการจัดประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ในแต่ละครั้ง ต้องมีจำนวนวงเงินตามข้อใดต่อไปนี้
ก. วงเงินรวมกันไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท
ข. วงเงินรวมกันไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท
ค. วงเงินรวมกันไม่ต่ำกว่า 1,000,000 บาท
ง. วงเงินรวมกันไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท

แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 9
จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1.การจัดซื้อรวมแบบออนไลน์ เป็นลักษณะการจัดซื้อตามข้อใด
ก. e – procurement ข.e – catalog
ค. e – marketing ง.e – commerce
2. มาตรฐานที่รวบรวมรายละเอียดของสินค้าและบริการที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ค้า/ผู้รับจ้าง (Supplies) คือลักษณะข้อใด
ก. e – procurement ข. e – catalog
ค. e – marketing ง. e – commerce
3. ระบบที่อำนวยความสะดวก ในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยวิธีสอบราคาหรือวิธีตกลงราคา คือข้อใดจ่อไปนี้
ก. ระบบ e – RFP ข. ระบบ e – procurement
ค. e – marketing ง. e – commerce
4. ระบบการเชื่อมโยงข้อมูล ที่เกี่ยวข้องกับผู้ค้า ได้แก่ระบบใด
ก. ระบบ e – RFP ข. ระบบ e – procurement
ค. e – marketing ง. e – commerce
5. ผู้ให้บริการตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์โดยทำหน้าที่จัดการประมูลและเป็นสื่อกลางระหว่างผู้ซื้อกับผู้ค้าคือข้อใดต่อไปนี้
ก. ระบบ e – RFP ข. ระบบ e – procurement
ค. e – marketing ง. e – commerce
6. ข้อใดเป็ความมุ่งหมายของการจัดซื้อจัดจ้างระบบอิเล็กทรอนิกส์
ก. ป้องกันการทุจริตในระบบการจัดซื้อจัดจ้าง
ข. พัฒนาระบบการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ
ค. เพิ่มประสิทธิภาพ ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
ง. ถูกทุกข้อ
7. ระบบการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าหรือบริการที่มีมูลค่าสูง และมีกระบวนการดำเนินการที่ซับซ้อนจะเข้าข่ายการจัดซื้อจัดจ้างโดยอาศัยวิธีการประกวดราคาได้แก่ข้อใด
ก. ระบบ e - procurement
ข. ระบบ e – tendering system
ค. ระบบ e – purchasing system
ง. ระบบ e – shopping
8. ข้อใดคือประโยชน์ของการพัฒนาระบบ e – procurement
ก. เปิดเผยข้อมูลแก่สาธารณะ
ข. กระจายข้อมูลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องฝ่ายต่างๆได้
ค. ประกวดราคาผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์
ง. ถูกทุกข้อ
9. หนังสือเชิญชวนให้เป็นผู้บริการตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ เป็นเอกสารประเภทใด
ก. เอกสารการประมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์
ข. เอกสารหลังการประมูล
ค. เอกสารที่ใช้ระหว่างการติดต่อสื่อสาร
ง. เอกสารเผยแพร่ เพื่อประชาสัมพันธ์
10. หนังสือยืนยันการเสนอราคาสุดท้ายของผู้ค้าที่เข้าร่วมประมุล เป็นเอกสารประเภทใดในการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
ก. เอกสารก่อนการประมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์
ข. เอกสารหลังการประมูล
ค. เอกสารที่ใช้ระหว่างการติดต่อสื่อสาร
ง. เอกสารเผยแพร่ เพื่อประชาสัมพันธ์

แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 10
จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. ฝ่ายจัดซื้อจะต้องรับผิดชอบงานข่างสารทั่วไปเกี่ยวกับเรื่องใด
ก. บักทึกการซื้อ ข. ศึกษาตลาด
ค. สอบสวนแหล่งพัสดุ (สินค้า) ง. ศึกษาพัสดุ (สินค้า)
2. ฝ่ายจัดซื้อจะต้องรับผิดชอบงานการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องใด
ก. บันทึกเกี่ยวกับผู้ขาย ข. วิเคราะห์ค่าพัสดุ (สินค้า)
ค. บันทึกราคา ง. บันทึกแฟ้มคุณลักษณะเฉพาะ
3. ฝ่ายจัดซื้อจะต้องรับผิดชอบงานการจัดซื้อเกี่ยวกับเรื่องใด
ก. แสวงหาใบเสนอราคา ข. บันทึกเกี่ยวกับผู้ขาย
ค. วิเคราก์ค่าพัสดุ (สินค้า) ง. บันทึกราคา
4. ฝ่ายจัดซื้อจะต้องรับผิดชอบงานบริหารพัสดุ เกี่ยวกับเรื่องใด
ก. ตรวจเงื่อนไขทางกฎหมายในสัญญา
ข. เลือกว่าจะเซ็นสัญญาหรือซื้อเงินสด
ค. ติดตามผลการส่งของ
ง. เก็บรักษาสต๊อกให้น้อยที่สุด
5. ระบบการจัดจ่ายแบบใดที่ใช้กับสินค้าราคาสูง มีภาระในการเก็บรักษา ผู้จัดจ่ายต้องพยายามกระจายสินค้าไปสู่ผู้ค้ารานย่อยให้มากที่สุด
ก. ระบบผลัก ข. ระบบดัน
ค. ระบบดึง ง. ระบบนำส่ง
6. ระบบจับจ่ายแบบใดที่มีกลไกการทำงานเริ่มจากผู้จ่ายดำเนินการผลิต จัดหา จัดส่งตามกำหนดการที่วางไว้ล่วงหน้า ระบบนี้จะใช้กับสินค้าอุปโภคบริโภค ราคาไม่สูง พยายามส่งถ่ายไปให้กับผู้บริโภคเร็วที่สุด
ก. ระบบผลัก ข. ระบบดัน
ค. ระบบดึง ง. ระบบนำส่ง
7. ข้อพิจารณาในการปรับใช้ระบบการจัดจ่าย คือข้อใด
ก. ต้องทราบว่าสินค้าที่ผลิตและต้องจัดจ่ายเป็นสินค้าประเภทใด
ข. การติดต่อสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
ค. มีการประสานงานกับขนส่งเพื่อใช้ในการจัดจ่าย
ง. ถูกทุกข้อ
8. การกระตุ้นให้เกิดการจัดจ่ายเป็นกิจกรรมด้านใด
ก. การขนส่ง ข. การรับคำสั่งซื้อ
ค. การเก็บรักษา ง. การบรรจุภัณฑ์
9. การรวบรวมและจัดสินค้าให้อยู่ในหีบห่อเป็นกิจกรรมด้านใด
ก. การขนส่ง ข. การรับคำสั่งซื้อ
ค. การเก็บรักษา ง. การบรรจุภัณฑ์
10. โครงการเปลี่ยนนะบบการบริหารงานการเงินการคลังภาครัฐสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ คือข้อใด
ก. GFMIS
ข. e – auction
ค. การจัดซื้อจัดจ้างระบบอิเล็กทรอนิกส์
ง. Online Real -Time

แบบทดสอบวิชาการวิจัยตลาด

แบบฝึกหัดทดสอบความรู้
วิชา 3202 – 2002 การวิจัยตลาด
หน่วยที่ 1
จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (บันทึกคำตอบลงในสมุดแบบฝึกหัด)
1. ข้อใดคือความหมายของการวิจัยตลาด
ก. การเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์
ข. การเก็บรวบรวมข้อมูล บันทึกข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล อย่างมีระบบ
ค. การนำวิธีการทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในการแก้ปัญหาทางการตลาด
ง. การนำผลของข้อมูลมาใช้ในการแก้ปัญหาทางการตลาด
จ. การเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลทั่ว ๆไป
2. ข้อใดคือลักษณะของการวิจัยตลาดที่เหมือนวิธีการทางวิทยาศาสตร์
ก. มีระบบ
ข. มีหลักฐาน
ค. พิสูจน์ได้
ง. การควบคุม
จ. ถูกทุกข้อ
3. ข้อใดคือความสำคัญของการวิจัยตลาดต่อกิจการธุรกิจ
ก. เพิ่มยอดขาย
ข. ลดต้นทุนทางการตลาด
ค. ทำให้เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
ง. เพิ่มขวัญและกำลังใจให้กับพนักงานบริษัท
จ. ถูกทุกข้อ
4. ประโยชน์ที่เห็นได้อย่างชัดเจนของการใช้การวิจัยตลาดช่วยในการดำเนินธุรกิจคือข้อใด
ก. ทำให้ได้แนวความคิดใหม่ ๆ เสมอ
ข. สามารถผลิตสินค้าออกมาอย่างมีคุณภาพ
ค. สามารถกำหนดราคาขายได้อย่างถูกต้อง
ง. ทำให้ทราบเหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบัน อนาคต
จ. ทำให้การวางแผนการตลาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
5. สาเหตุที่ผู้บริหารธุรกิจในประเทศไทย ไม่ ให้ความสำคัญกับการวิจัยตลาดเพราะสาเหตุใด
ก. ผู้บริหารกลัวการสูญเสียอำนาจ
ข. ผู้บริหารไม่เข้าใจวิธีการทำวิจัย
ค. ผู้บริหารเชื่อในการตัดสินใจของตนเอง
ง. เป็นธุรกิจขนาดเล็ก ไม่จำเป็นต้องใช้การวิจัยตลาด
จ. ระยะเวลาในการทำวิจัยสั้นมาก ทำให้ได้ผลการวิจัยที่ไม่ดีพอ
6. ยอดขายของกิจการลดลงเนื่องมาจากผู้ซื้อหันไปซื้อสินค้าของคู่แข่งมาทดแทน เป็นขั้นตอนใดของการทำวิจัยตลาด
ก. การวางแผนการทำวิจัย
ข. การออกแบบสอบถาม
ค. การกำหนดกลุ่มตัวอย่าง
ง. การกำหนดปัญหาทางการตลาด
จ. การกำหนดวัตถุประสงค์ของการวิจัย
7. ขั้นตอนสุดท้ายของการทำวิจัยตลาดเพื่อนำเสนอให้ผู้เกี่ยวข้องนำผลการวิจัยไปใช้ คือ ข้อใด
ก. การสรุปผล
ข. การนำข้อมูลเข้าตาราง
ค. การเก็บรวบรวมข้อมูล
ง. การเขียนรายงานนำเสนอ
จ. การแปลความหมายข้อมูล
8. หน่วยงานทำวิจัยตลาดในข้อใดที่ใช้งบประมาณน้อยแต่ข้อมูลเชื่อถือได้
ก. สถาบันวิจัยของรัฐ
ข. บริษัทตัวแทนโฆษณา
ค. สถาบันการศึกษาที่รับทำวิจัย
ง. การจัดตั้งแผนกวิจัยภายในอาคาร
จ. การจ้างบริษัทรับปรึกษาวิจัยทางการตลาด
9. การทำวิจัยตลาดแต่ละครั้งจะได้ผลตามวัตถุประสงค์หรือไม่ขึ้นอยู่กับนักวิจัยเหตุผลสำคัญข้อใดที่ทำให้นักวิจัยตลาดต้องมีจรรยาบรรณยึดถือปฏิบัติ
ก. ผู้วิจัยต้องพบปะผู้คนจำนวนมาก
ข. งานวิจัยเป็นงานที่ต้องใช้ผู้วิจัยที่มีความอดทน
ค. งานวิจัยต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินงานนาน
ง. ผู้วิจัยจะต้องรู้ความรับของผู้ที่เกี่ยวข้องในงานวิจัย
จ. ผู้บริหารใช้ผลการวิจัยแก้ไขปัญหาของกิจการโดยตรง
10. ปัจจุบันธุรกิจให้ความสำคัญกับการวิจัยตลาดมากขึ้น แต่การวิจัยก็มีข้อจำกัดมากมาย ข้อจำกัดของการวิจัยตลาดคือข้อใด
ก. ข้อมูลที่ได้รับยังไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์
ข. ใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือในการวิจัยไม่ถูกต้อง
ค. ระยะเวลาที่ใช้ในการทำวิจัยบางโครงการนานมาก
ง. นักวิจัยมีความเชี่ยวชาญทางด้านการวิจัยยังมีอยู่น้อย
จ. ถูกทุกข้อ

หน่วยที่ 2
จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (บันทึกคำตอบลงในสมุดแบบฝึกหัด)
11. ข้อใดคือปัญหาทางการตลาดที่เกิดขึ้นภายในกิจการ
ก. สินค้าเก่าล้าสมัย
ข. ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
ค. อัตราค่าโฆษณาปรับราคาสูงขึ้น
ง. ผู้บริโภคเปลี่ยนรสนิยมในการซื้อ
จ. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการขนส่ง
12. ข้อใด ไม่ใช่ ปัญหาทางการตลาดที่เกิดขึ้นภายนอกกิจการและควบคุมได้ยากที่สุด
ก. คู่แข่งขัน
ข. ผู้บริโภค
ค. การเมือง
ง. ภาวะเงินเฟ้อ
จ. โครงสร้างการจัดจำหน่าย
13. “รายได้ของผู้บริโภคที่อยู่เขตภาคกลางจะมากกว่ารายได้ของผู้บริโภคที่อยู่เขตภาคเหนือ” รายได้ที่กล่าวมาใช้มาตรการวัดค่าตัวแปรประเภทใด
ก. มาตรช่วง
ข. มาตรอันตรภาค
ค. มาตรอัตราส่วน
ง. มาตรเรียงอันดับ
จ. มาตรนามบัญญัติ
14. “ราคาสินค้าที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค” ราคาสินค้าเป็นตัวแปรประเภทใด
ก. ตัวแปรเกิน
ข. ตัวแปรตาม
ค. ตัวแปรอิสระ
ง. ตัวแปรแฝง
จ. ตัวแปราแทรกซ้อน

15. “ยิ่งอากาศร้อนเท่าใด ความต้องการซื้อเครื่องปรับอากาศยิ่งมากขึ้นเท่านั้น” “ความต้องการซื้อ” เป็นตัวแปรประเภทใด
ก. ตัวแปรเกิน
ก. ตัวแปรตาม
ข. ตัวแปรอิสระ
ค. ตัวแปรแฝง
ง. ตัวแปรแทรกซ้อน
16. ข้อความข้อใดถูกต้องที่สุด
ก. ตัวแปรแทรกซ้อน มักเกิดขึ้นเสมอในการทำวิจัย
ข. ตัวแปรตัวหนึ่งอาจมีความสัมพันธ์กับตัวแปรหลายตัว
ค. ตัวแปรเกินเป็นตัวแปรที่มีผลต่อการเกิดของตัวแปรตามได้
ง. การสุ่มตัวอย่างอย่างมีหลักการช่วยควบคุมการเกิดตัวแปรเกินได้
จ. ถูกทุกข้อ
17. “การซื้อโทรศัพท์มือถือของผู้บริโภค ขึ้นอยู่กับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี” เป็นลักษณะของสมมติฐานที่ดีข้อใด
ก. สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง
ข. ตอบคำถามในการวิจัยถูกต้องเสมอ
ค. สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ง. ใช้ศัพท์ทางวิชาการ เพื่อให้ง่ายต่อการพิสูจน์
จ. แสดงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรเพียง 2 ตัวเท่านั้น
18. ข้อความใดถูกต้องที่สุด
ก. สมมติฐานในการวิจัยอาจถูกหรือผิดก็ได้
ข. การทำวิจัยตลาดทุกครั้ง ตั้งมีการตั้งสมมติฐาน
ค. ผลของการพิสูจน์สมมติฐานต้องตรงตามที่คาดคะเนไว้ทุกครั้ง
ง. ผลของการสมมติฐาน ถ้าตรงกันข้ามกับที่คาดคะเนไว้ ก็หมายความว่าการวิจัยครั้งนั้นล้มเหลว
จ. ถูกทุกข้อ
19. ข้อใดคือสมมติฐานว่าง
ก. ฐานทางสังคมมีผลต่อการใช้สินค้า
ข. ผู้บริโภคซื้อสินค้าเนื่องจากการโฆษณา
ค. ผู้หญิงกับผู้ชาย สนใจข่าวการเมืองไม่แตกต่างกัน
ง. ยิ่งรายได้สูงขึ้นเท่าใด การออมของผู้บริโภคยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
จ. การส่งออกมีผลต่อมาตรฐานการครองชีพของคนในประเทศ
20. ข้อใดคือประโยชน์ของการตั้งสมมติฐานในการวิจัยตลาด
ก. การทำให้คาดคะเนคำตอบได้
ข. ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการวิจัย
ค. ทำให้ทราบตัวแปรที่เกี่ยวข้องในการวิจัย
ง. ทำให้ผู้วิจัยเก็บข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่ถูกต้อง
จ. ถูกทุกข้อ
หน่วยที่ 3
จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (บันทึกคำตอบลงในสมุดแบบฝึกหัด)
21. “ลูกค้าหันไปซื้อสินค้าของคู่แข่งมากขึ้น” จากปัญหาที่ควรจะใช้การวิจัยประเภทใด จึงจะทราบถึงสาเหตุที่ลูกค้าเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเช่นนี้
ก. ประยุกต์
ข. พื้นฐาน
ค. เชิงทดลอง
ง. เชิงปฏิบัติการ
จ. เชิงบรรยาย
22. หากต้องการทราบว่าผู้บริโภคต้องการให้ขนมขบเคี้ยวมีรสชาติเช่นใด ควรหาข้อมูลจากแหล่งใด
ก. ลูกค้า
ข. คนกลาง
ค. คู่แข่งขัน
ง. ธุรกิจเอกชน
จ. พนักงานภายในกิจการ
23. หากต้องการศึกษาข้อมูลจากงานเอกสารต่าง ๆ ควรหาจากแหล่งใดมากที่สุด
ก. ห้องสมุด
ข. สื่อโฆษณา
ค. สถาบันการศึกษา
ง. หน่วยงานราชการ
จ. สมาคมการค้าต่าง ๆ
24. การวิจัยแบบสำรวจวิธีใดที่ได้รายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริโภคมากที่สุด
ก. การสัมภาษณ์โดยใช้บุคคล
ข. การสัมภาษณ์โดยทางโทรศัพท์
ค. การส่งแบบสอบถามทางไปรษณีย์
ง. การสำรวจผ่านคอมพิวเตอร์ระบบเครือข่าย
จ. ถูกทุกข้อ
25. การวิจัยโดยการสำรวจวิธีใดที่ผู้ตอบต้องมีการศึกษาเท่านั้นจึงจะตอบตำถามของการวิจัยได้
ก. การสัมภาษณ์โดยใช้บุคคล
ข. การสัมภาษณ์โดยทางโทรศัพท์
ค. การสำรวจผ่านคอมพิวเตอร์ระบบเครือข่าย
ง. คำตอบข้อ ก,ข,ค, ถูก
จ. ถูกเฉพาะคำตอบข้อ ค.
26. การวิจัยโดยการสำรวจวิธีใดที่สามารถสรุปข้อมูลได้ในระยะเวลาสั้นมาก
ก. การสัมภาษณ์โดยใช้บุคคล
ก. การสัมภาษณ์โดยทางโทรศัพท์
ข. การส่งแบบสอบถามทางไปรษณีย์
ค. การสำรวจผ่านคอมพิวเตอร์ระบบเครือข่าย
ง. ถูกทุกข้อ
27. โดยทั่วไปแล้ว เมื่อกลุ่มตัวอย่างได้รับแบบสอบถามมักให้ความร่วมมือส่งคำตอบคืนมายังบริษัทวิจัย แต่มีสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ บางประการที่อาจมีผลทำให้ผู้ตอบไม่ส่งคำตอบคืน สิ่งเหล่านั้นควรเป็นข้อใด
ก. ให้ของแถม
ข. ระบุชื่อของผู้วิจัย
ค. พิมพ์แบบสอบถามชัดเจน น่าอ่าน
ง. มีจดหมายเตือนไปยังกลุ่มเป้าหมาย
จ. พิมพ์ข้อความแนะนำตัวบอกเหตุผลการทำวิจัยไว้หน้าแรกเสมอ
28. การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการศึกษาลักษณะสีผม สีผิว ถือเป็นการวิจัยวิธีใด
ก. การสังเกตโดยตรง
ข. การวิเคราะห์เนื้อหา
ค. การสังเกตโดยใช้เครื่องจักรกล
ง. ทราบระยะเวลาในการทำวิจัยที่แน่นอน
จ. ถูกทุกข้อ
29. ข้อใดคือเหตุผลที่ต้องมีการวางแผนการดำเนินการวิจัย
ก. การกำหนดค่าใช้จ่ายที่ถูกต้อง
ข. การกำหนดขอบเขตการวิจัยได้
ค. ทราบแนวทางปฏิบัติงานวิจัย
ง. ทราบระยะเวลาในการทำวิจัยที่แน่นอน
จ. ถูกทุกข้อ
30. สินค้าที่ควรทำการทดสอบตลาดก่อนนำออกสู่ตลาดจริงคือข้อใด
ก. สินค้าแฟชั่น
ข. สินค้าฟุ่มเฟือย
ค. สินค้าราคาแพง
ง. สินค้าที่มีเทคนิคการใช้สูง
จ. สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป
หน่วยที่ 4
จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (บันทึกคำตอบลงในสมุดแบบฝึกหัด)
31. ในการทดสอบว่าผู้บริโภคมองเห็นสินค้าของเราอยู่ระดับใด เป็นขอบเขตของการวิจัยตลาดข้อใด
ก. การทดสอบบรรจุภัณฑ์
ข. การทดสอบตัวผลิตภัณฑ์
ค. การทดสอบแนวความคิดผลิตภัณฑ์
ง. การทดสอบผลิตภัณฑ์ของเรากับคู่แข่งขัน
จ. ไม่มีข้อใดถูก
32. การผลิตสินค้าต้นแบบออกมาแล้วทำการวิจัยว่าผู้บริโภคยอมรับความคิดนี้หรือไม่เป็นการวิจัยการตลาดข้อใด
ก. การทดสอบบรรจุภัณฑ์
ข. การทดสอบตัวผลิตภัณฑ์
ค. การทดสอบแนวความคิดผลิตภัณฑ์
ง. การทดสอบส่วนผสมของผลิตภัณฑ์
จ. การทดสอบรูปแบบของตัวผลิตภัณฑ์
33. ธุรกิจจำทำการปรับปรุงผลิตภัณฑ์เดิมเมื่ออยู่ในวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ขั้นใด
ก. ขั้นที่ 1
ข. ขั้นที่ 2
ค. ขั้นที่ 3
ง. ขั้นที่ 4
จ. ขั้นที่ 5
34. “ผู้ซื้อไม่ได้ใช้ ผู้ใช้ไม่ได้ซื้อ” เป็นการวิจัยการตลาดเรื่องใด
ก. การวิจัยผู้บริโภค
ข. การวิจัยการตลาด
ค. การวิจับผลิตภัณฑ์
ง. การวิจัยสื่อโฆษณา
จ. การวิจัยบรรจุภัณฑ์
35. ข้อใดคือความหมายของคำว่า “ขนาดตลาด”
ก. ตลาดสินค้าประเภทน้ำดื่ม ครอบคลุมพื้นที่ทุกภาคของประเทศ
ข. ผู้หญิงมีความต้องการสินค้าฟุ่มเฟือยมากกว่าผู้ชาย
ค. กลุ่มวัยรุ่นคือ ตลาดเป้าหมายของผลิตน้ำอัดลม
ง. ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหมดมีมูลค่า 100,000 ล้านบาท
จ. ตลาดน้ำอัดลมมีมูลค่าทั้งสิ้น 10,000 ล้านบาท
36. การวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดมีผลอย่างไรต่อการดำเนินธุรกิจ
ก. กำหนดความต้องการของตลาดได้
ข. กำหนดความสามารถในการผลิตได้
ค. ทำให้กำหนดอุปสงค์อุปทานในสินค้าได้
ง. เพื่อแบ่งส่วนตลาดได้อย่างเหมาะสม
จ. ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด
37. การวิเคราะห์การแข่งขันในตลาด ส่วนมากจะศึกษาข้อมูลเรื่องใด
ก. การแบ่งส่วนตลาด
ข. การกำหนดขนาดตลาด
ค. การกำหนดโครงสร้างขนาด
ง. การกำหนดอัตราการครองตลาด
จ. ถูกทุกข้อ
38. สินค้าข้อใดที่มีตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ (Product Positioning) ระดับเดียวกัน
ก. แฟ้บ เพค
ข. แฟ้บ เปา
ค. บรีส ไวท์
ง. บรีส โอโม่
จ. เปา แอคแทค
39. P. ตัวที่ 5 ของส่วนผสมทางการตลาดคือข้อใด
ก. Packaging
ข. Publicity
ค. Personal Selling
ง. Promotion
จ. ไม่มีข้อใดถูก
40. การนำเอาแนวความคิดการโฆษณามาใส่รายละเอียดเป็นเรื่องราว เพื่อทำการทดสอบอีกครั้งถือเป็นการวิจัยโฆษณา หัวข้อใด
ก. การทดสอบบทโฆษณา
ข. การทดสอบสื่อโฆษณา
ค. การทดสอบจุดเด่นของการขาย
ง. การทดสอบสื่อภาพยนตร์โฆษณา
จ. การทดสอบแนวความคิดการโฆษณา
หน่วยที่ 5
จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (บันทึกคำตอบลงในสมุดแบบฝึกหัด)
41. ข้อใดคือแบบฟอร์มที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์
ก. แบบฟอร์มเก็บรวบรวมข้อมูลแบบสังเกตการณ์
ข. แบบฟอร์มเก็บรวบรวมข้อมูลแบบสัมภาษณ์
ค. แบบฟอร์มเก็บรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิ
ง. แบบสอบถาม
จ. ถูกทุกข้อ
42. โครงสร้างแบบสอบถามแบบใด ที่มีการกำหนดขั้นตอนของการสัมภาษณ์ไว้ทุกขั้นตอนเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น
ก. แบบสอบถามแบบมีโครงสร้าง
ข. แบบสอบถามแบบไม่มีโครงสร้าง
ค. แบบสอบถามแบบมีโครงสร้างบางส่วน
ง. แบบสอบถามให้ผู้ตอบกรอกคำตอบ
จ. ถูกทุกข้อ
43. ขั้นตอนที่สำคัญก่อนนำแบบสอบถามไปใช้จริงคือข้อใด
ก. วิเคราะห์ข้อมูลที่ต้องการ
ข. พิมพ์แบบสอบถามฉบับจริง
ค. ทำการทดสอบก่อนใช้อักครั้ง
ง. ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบก่อน
จ. กำหนดตัวผู้นำแบบสอบถามไปใช้
44. หลักในการสร้างแบบสอบถามข้อแรกคือ
ก. เรียงคำถามให้เป็นเรื่องเดียวกัน
ข. กำหนดคำถามจากเรื่องง่ายไปยาก
ค. ตัวคำถามไม่สร้างความอคติในการตอบให้กับผู้ตอบ
ง. สร้างคำถามให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการวิจัย
จ. กำหนดเป้าหมายของการวิจัยว่าต้องการถามเรื่องอะไร
45. ข้อความข้อใด ไม่ ถูกต้อง
ก. ไม่ควรใช้คำถามนำในการสร้างแบบสอบถาม
ข. หลีกเลี่ยงคำถามที่ก่อให้เกิดความมีอคติในการตอบของผู้ตอบ
ค. ใช้คำถามเพียงประเด็นเดียวในการสร้างคำถามในแบบสอบถาม
ง. การสร้างคำถามในแบบสอบถาม ควรใช้ภาษาที่ชัดเจนเข้าใจง่าย
จ. ในการสร้างแบบสอบถาม ควรใช้ศัพท์เทคนิคเพื่อช่วยให้เข้าใจความหมายยิ่งขึ้น
46. “คำถามหนัก” เป็นคำถามเกี่ยวกับเรื่องใด
ก. รายได้
ข. การศึกษา
ค. รสนิยม
ง. เจตคติ
จ. ถูกทุกข้อ
47. ผู้วิจัยจะใช้คำถามแบบเปิดเมื่อใด
ก. ต้องการทราบข้อเท็จจริง
ข. ต้องการทราบความเห็นของผู้ตอบ
ค. เปิดโอกาสให้ผู้ตอบตอบคำถามได้อย่างเต็มที่
ง. ต้องการแนวความคิดใหม่ๆเพื่อนำมากำหนดคำตอบในการวิจัยต่อไป
จ. ถูกทุกข้อ
48. คำถามประเภทใดที่ใช้เป็นคำถามกรอง (Filter Question)
ก. Checklist Questions
ข. Ranking Questions
ค. Semantic Differential
ง. Dichotomous Questions
จ. Multiple-Choice Alternatives
49. “ให้เลือกคำตอบได้มากกว่า 1 คำตอบ” เป็นคำถามประเภทใด
ก. Ranking Questions
ข. Checklist Questions
ค. Semantic Differential
ง. Dichotomous Questions
จ. Multiple-Choice Alternatives
50. คุณคิดว่า รถยนต์ ............................ เป็นอย่างไรราคา..: ..............: ..............: ..............: ..............:ราคาแพง
จากข้อความดังกล่าวเป็นคำถามประเภทใด
ก. Likert Scales
ข. Ranking Questions
ค. Checklist Questions
ง. Semantic Differential
จ. Dichotomous Questions

หน่วยที่ 6
จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (บันทึกคำตอบลงในสมุดแบบฝึกหัด)
51. “กลุ่มผู้ซื้อจำนวน 1,000 คน ในจังหวัดนนทบุรี ถือเป็นตัวแทนของผู้ซื้ออาหารสำเร็จรูปประเทศ” ดังกล่าวหมายถึงอะไร
ก. การสุ่มตัวอย่าง
ข. ประชากร
ค. ส่วนประกอบของประชากร
ง. การสำมะโน
จ. ขนาดตัวอย่าง
52. “ร้านจำหน่ายดอกไม้สดมีจำนวนทั้งสิ้น 200 ร้าน ให้เก็บข้อมูลทั้งหมดทุกร้าน” ข้อความดังกล่าวหมายถึงข้อใด
ก. การสุ่มตัวอย่าง
ข. ประชากร
ค. ส่วนประกอบของประชากร
ง. การสำมะโน
จ. ขนาดตัวอย่าง
53. การเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างตามห้างสรรพสินค้า สถานีขนส่ง ถือเป็นการสุ่มตัวอย่าง วิธีใด
ก. การสุ่มตัวอย่างแบบง่าย
ข. การสุ่มตัวอย่างโดยใช้โควตา
ค. การสุ่มตัวอย่างตามความสะดวก
ง. การสุ่มตัวอย่างโดยใช้วิจารณญาณ
จ. การสุ่มตัวอย่างโดยการใช้ตารางตัวเลขสุ่ม
54. การสุ่มตัวอย่างโดยไม่อาศัยหลักการความน่าจะเป็นวิธีใดที่นิยมใช้ในการวิจัยตลาด
ก. การสุ่มตัวอย่างแบบง่าย
ข. การสุ่มตัวอย่างโดยใช้โควตา
ค. การสุ่มตัวอย่างตามความสะดวก
ง. การสุ่มตัวอย่างแบบยกกลุ่ม
จ. การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นกลุ่ม
55. ข้อใดคือการสุ่มตัวอย่างโดยอาศัยหลักความน่าจะเป็น
ก. การสุ่มตัวอย่างแบบยกกลุ่ม
ข. การสุ่มตัวอย่างโดยใช้โควตา
ค. การสุ่มตัวอย่างตามความสะดวก
ง. การสุ่มตัวอย่างโดยใช้วิจารณญาณ
จ. การสุ่มตัวอย่างตามความประสงค์
56. การสุ่มตัวอย่างที่ใช้การแบ่งประชากรตามคุณลักษณะร่วมกันคือข้อใด
ก. การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น
ข. การสุ่มตัวอย่างอย่างมีระบบ
ค. การสุ่มตัวอย่างแบบยกกลุ่ม
ง. การสุ่มตัวอย่างตามสะดวก
จ. การสุ่มตัวอย่างหลายขั้นตอน
57. การสุ่มตัวอย่างวิธีใดที่ประชากรต่างกลุ่มกันจะกลุ่มกันจะมีคุณลักษณะคล้ายคลึงกัน
ก. การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น
ข. การสุ่มตัวอย่างโดยใช้โควตา
ค. การสุ่มตัวอย่างแบบยกกลุ่ม
ง. การสุ่มตัวอย่างอย่างมีระบบ
จ. การสุ่มตัวอย่างตามวิจารณญาณ
58. การสุ่มตัวอย่างวิธีใดที่ต้องมีการกำหนดขนาดตัวอย่างให้ใหญ่กว่าการสุ่มตัวอย่างวิธีอื่น
ก. การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น
ก. การสุ่มตัวอย่างโดยใช้โควตา
ข. การสุ่มตัวอย่างแบบยกกลุ่ม
ค. การสุ่มตัวอย่างอย่างมีระบบ
ง. การสุ่มตัวอย่างตามวิจารณญาณ
59. ขนาดตัวอย่างที่ให้ข้อมูลที่น่าเชื่อมากที่สุดคือข้อใด
ก. 200 ตัวอย่าง
ข. 500 ตัวอย่าง
ค. 1,200 ตัวอย่าง
ง. 1,500 ตัวอย่าง
จ. 5,000 ตัวอย่าง
60. การกำหนดขนาดตัวอย่างใหญ่หรือเล็กขึ้นอยู่กับปัจจัยข้อใด
ก. คน
ข. เวลา
ค. ค่าใช้จ่าย
ง. การวิเคราะห์ข้อมูล
จ. ถูกทุกข้อ
หน่วยที่ 7
จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (บันทึกคำตอบลงในสมุดแบบฝึกหัด)
61. เพราะสาเหตุใดจึงต้องการออกปฏิบัติงานวิจัยภาคสนาม
ก. เพื่อให้ได้ข้อมูลตามที่ต้องการ
ข. เพื่อให้ได้ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่แท้จริง
ค. สามารถสังเกตพฤติกรรมของตัวอย่างได้
ง. เพื่อการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ใช้กับการสัมภาษณ์
จ. เพื่อจะได้พูดคุยกับตัวอย่างตามสถานการณ์ที่เป็นจริง
62. พนักงานสัมภาษณ์ในประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นบุคคลตามข้อใด
ก. เพศหญิงเท่านั้น
ข. เพศชายเท่านั้น
ค. นิสิต นักศึกษา
ง. อาสาสมัครทั่วไป
จ. ไม่จำกัดเพศและวัย
63. ข้อใดคือหัวข้อที่ใช้อบรมพนักงานสัมภาษณ์ก่อนปฏิบัติจริง
ก. เทคนิคการสัมภาษณ์
ข. การให้สัมภาษณ์เห็นความสำคัญของตนเอง
ค. การให้สัมภาษณ์เห็นความสำคัญของการทำวิจัยตลาด
ง. การให้สัมภาษณ์ศึกษาแบบสอบถามก่อนปฏิบัติงาน
จ. ถูกทุกข้อ
64. ในกาสัมภาษณ์ ข้อความข้อใดถูกต้องที่สุด
ก. ผู้สัมภาษณ์ควรวางตัวให้น่าเกรงใจ
ข. ทักทายผู้ให้สัมภาษณ์เช่นเพื่อนสนิท
ค. เปลี่ยนข้อคำถาม ถ้าผู้ให้สัมภาษณ์ไม่เข้าใจ
ง. ถามคำถามซ้ำ ถ้าผู้ให้สัมภาษณ์ไม่เข้าใจคำถาม
จ. ท่องจำคำถามให้ขึ้นใจเพื่อป้องกันความผิดพลาด
65. ข้อใดคือการพยายามให้ได้คำตอบตามที่ต้องการ
ก. ถามคำถามนำ
ข. ถามคำถามซ้ำ
ค. บันทึกคำตอบทันที
ง. พูดทวนคำตอบของผู้ให้สัมภาษณ์
จ. นั่งเงียบให้นานที่สุดเพื่อทดสอบความอดทน
66. ข้อความต่อไปนี้ข้อใดไม่ถูกต้อง
ก. การจ่ายค่าตอบแทนแก่ผู้สัมภาษณ์อาจจ่ายเป็นรายชิ้นได้
ข. ควรกำหนดปริมาณงานให้เหมาะสมในแต่ละวันจะทำให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง
ค. การปฏิบัติงานภาคสนามสำหรับการทำวิจัยควรใช้วิธีการแบ่งกลุ่มทำงาน
ง. ควรสรุปย่อข้อมูลที่จำเป็น ๆ ก่อนที่จะส่งผู้สัมภาษณ์ออกปฏิบัติงานภาคสนาม
จ. การมอบหมายงานให้ผู้สัมภาษณ์ควรมอบหมายให้ทำครั้งเดียวจะประหยัดที่สุด
67. ข้อใดคือวิธีการบันทึกเพื่อไม่ ให้คำตอบที่ได้รับคลาดเคลื่อน
ก. ไม่ควรบันทึกคำตอบจาการถามเพิ่มเติม
ข. บันทึกตำตอบตามความเข้าใจของผู้สัมภาษณ์
ค. สรุปคำตอบของผู้ตอบ ตามความคิดเห็นของผู้สัมภาษณ์
ง. บันทึกเฉพาะคำตอบของผู้ตอบเท่านั้นพฤติกรรมอื่น ๆ ไม่ต้องสนใจ
จ. บันทึกคำตอบทันทีหลังจบแต่ละข้อคำถามไม่ควรรอบันทึกคราวละหลาย ๆ ข้อ
68. ข้อใดคือการยุติการสัมภาษณ์ที่ดี
ก. เดินจากไปทันทีที่ได้คำตอบตามที่ต้องการ
ข. กล่าวขอบคุณผู้ตอบทุกคนที่เสียสละเวลาตอบคำถาม
ค. ถ้าผู้ตอบอายุไม่มากนัก ไม่จำเป็นต้องกล่าวใด ๆ ในการลาจาก
ง. หยุดการสนทนาทุกอย่างทันที เมื่อได้คำตอบตามที่ต้องการ
จ. ไม่มีข้อใดถูกต้อง
69. ข้อใดคือหลักการพื้นฐานของการเป็นพนักงานสัมภาษณ์ที่ดี
ก. พูดเก่ง
ข. ซื่อสัตย์
ค. มีน้ำใจ
ง. อารมณ์ดี
จ. มีมนุษยสัมพันธ์สูง
70. เมื่อมีปัญหาในระหว่างปฏิบัติงานภาคสนามพนักงานสัมภาษณ์จะได้รับคำแนะนำหรือปรึกษาจากใคร
ก. ผู้เชี่ยวชาญ
ข. ผู้จัดการฝ่ายวิจัย
ค. เพื่อพนักงานด้วยกันเอง
ง. หัวหน้าผู้ควบคุมการปฏิบัติงานวิจัย
จ. ถูกทุกข้อ
หน่วยที่ 8
จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (บันทึกคำตอบลงในสมุดแบบฝึกหัด)
71. เมื่อเก็บรวบรวมข้อมูลได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคืออะไร
ก. การแจงนับข้อมูล
ข. การตรวจสอบข้อมูล
ค. การจัดแบ่งประเภทข้อมูล
ง. การลงรหัสข้อมูล
จ. การวิเคราะห์ข้อมูล
72. หน้าที่ที่สำคัญของผู้ควบคุมการปฏิบัติงานภาคสนามคืออะไร
ก. การตรวจจำนวนหน้าของแบบสอบถาม
ข. การตรวจความสมบูรณ์ของแบบสอบถาม
ค. การตรวจคำตอบในแบบสอบถาม
ง. การตรวจรายมือของผู้ตอบ
จ. ถูกทุกข้อ
73. ผู้ที่ทำหน้าที่ปรับข้อมูลในแบบสอบถามให้มีความสมบูรณ์เพื่อง่ายต่อการวิเคราะห์คืออะไร
ก. ผู้บริหาร
ข. ผู้เชี่ยวชาญ
ค. ผู้ปฏิบัติงานภาคสนาม
ง. ผู้จัดการวิจัยภาคสนาม
จ. ผู้ควบคุมการปฏิบัติงานภาคสนาม
74. ข้อมูลจากแบบสอบถามข้อใดที่สามารถนำไปวิเคราะห์ได้เลย
ก. คุณมีความคิดเห็นอย่างไรกับรายการโทรทัศน์ในปัจจุบัน
ข. คุณชอบดูรายการเกมโชว์ ............. นี้หรือไม่
 ชอบ  ไม่ชอบ
ค. รายการเกมโชว์ .........
................ น่าสนใจ .......................... ไม่น่าสนใจ
ง. รายการเกมโชว์ที่คุณชอบมากที่สุดคืออะไร (ตอบเพียง 1 คำตอบ)
........................................................................
จ. ถูกทุกข้อยกเว้นข้อ ก.
75. การรวมข้อมูล “อื่น ๆ” เพื่อให้ง่ายต่อการวิเคราะห์ กำหนดไว้จำนวนเท่าใด
ก. ไม่เกิน 10 % ของข้อมูลทั้งหมด
ข. 12 % ของข้อมูลทั้งหมด
ค. 15 % ของข้อมูลทั้งหมด
ง. 18 % ของข้อมูลทั้งหมด
จ. 20 % ของข้อมูลทั้งหมด
76. ข้อความข้อใดถูกต้องที่สุด
ก. รหัสของคำตอบควรแยกเป็นอิสระจากกันจริง
ข. การลงรหัสข้อมูลอาจใช้เป็นตัวเลขหรือตัวอักษรก็ได้
ค. การสร้างรหัสคำตอบควรครอบคลุมวัตถุประสงค์ที่กำหนด
ง. การลงรหัสข้อมูล ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลสะดวกรวดเร็ว
จ. ถูกทุกข้อ
77. ข้อความข้อใดถูกต้องที่สุด
ก. สมุดบันทึกรหัสทำให้ผู้ปฎิบัติงานวิจัยทำงานได้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
ข. การทำสมุดบันทึกรหัส เพิ่มความยุ่งยากในการปฏิบัติงานวิจัย
ค. การทำสมุดบันทึกรหัสทำให้ค่าใช้จ่ายในการทำวิจัยเพิ่มขึ้น
ง. สมุดบันทึกรหัสใช้จับผิดผู้ปฏิบัติงานเท่านั้น
จ. ไม่มีข้อใดถูก
78. ไม่ว่าจะใช้วิธีการทางสถิติใด ในการวิเคราะห์ข้อมูล ต้องผ่านขั้นตอนนี้เสมอ ข้อความที่ขีดเส้นใต้คือขั้นตอนใด
ก. การนำข้อมูลเข้าตาราง
ข. การตรวจสอบข้อมูล
ค. การลงสมุดบันทึกรหัส
ง. การวิเคราะห์ข้อมูล
จ. การลงรหัสข้อมูล
79. การประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ มีข้อเสียที่เด่นชัดคือข้อใด
ก. ใช้เวลามาก
ข. ค่าใช้จ่ายสูง
ค. ขาดผู้เชียวชาญเฉพาะด้าน
ง. ใช้กับกลุ่มตัวอย่างขนาดเล็กไม่ได้
จ. ใช้ผู้เชี่ยวชาญทางคอมพิวเตอร์เท่านั้น
80. โปรแกรมสำเร็จรูปที่นิยมใช้กันมากที่สุดในปัจจุบันคือข้อใด
ก. SAS
ข. SPSSX
ค. MINITAB
ง. SYSTAT
จ. ถูกทุกข้อ
หน่วย ที่ 9
จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (บันทึกคำตอบลงในสมุดแบบฝึกหัด)
81. จากข้อมูลต่อไปนี้ 5 , 7 , 8 , 3 , 2 , 1 , 2 ข้อความใดถูกต้องที่สุด
ก. ฐานนิยมมีค่ามากกว่าค่ามัชฌิมเลขคณิต
ข. มัธยฐานมีค่ามากกว่ามัชฌิมเลขคณิต
ค. มัชฌิมเลขคณิตมีค่ามากกว่ามัธยฐาน
ง. ฐานนิยมมีค่ามากกว่ามัธยฐาน
จ. มัธยฐานมีค่าน้อยกว่าฐานนิยม
82. สถิติที่ใช้ในการหาค่าความสำคัญของตัวแปร 2 ตัว คืออะไร
ก. ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ข. ค่ามัชฌิมเลขคณิต
ค. การหาค่าสหสัมพันธ์
ง. การทดสอบค่าไคร์สแควร์
จ. มัธยฐาน
83. สถิติที่ใช้ทดสอบความแตกต่างของข้อมูลคืออะไร
ก. ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ข. ค่ามัชฌิมเลขคณิต
ค. การหาค่าสหสัมพันธ์
ง. การทดสอบค่าไคร์สแควร์
จ. มัธยฐาน
84. สถิตินี้ใช้วัดการกระจายของข้อมูลว่าข้อมูลแต่ละค่าอยู่ห่างจากค่ากลางมากน้อยเพียงใด คืออะไร
ก. มัธยฐาน
ข. ฐานนิยม
ค. ค่ามัชฌิมเลขคณิต
ง. ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
จ. การหาค่าสหสัมพันธ์
85. ข้อใดคือหลักการอ่านตารางข้อมูล
ก. อ่านเฉพาะตัวเลขที่เป็นจุดเด่นของตาราง
ข. อ่านตัวเลขทุกตัวที่ปรากฏในตราราง
ค. นำค่าตัวเลขในตารางเปรียบเทียบโดยใช้คำสันธานช่วย
ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ค.
จ. ถูกทั้งข้อ ก. ข. และ ค.
86. ข้อใดไม่ใช่หลักของการแปลความหมายข้อมูล
ก. ใช้วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลแบบง่าย ๆ
ข. ให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเท่า ๆ กัน
ค. ไม่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวในการตีความหมายข้อมูล
ง. แยกว่าอะไรคือเหตุ อะไรคือผล
จ. กำหนดขนาดตัวอย่างให้เล็กที่สุด เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
87. ถ้าค่าสหสัมพันธ์ที่คำนวณได้ปรากฏผลออกมาว่ามีค่ากลาง - .78 ตัวเลขนี้มีความหมายว่าอย่างไร
ก. ยิ่งรายได้มากยิ่งใช้จ่ายมาก
ข. รายได้ไม่มีผลต่อการใช้จ่าย
ค. ยิ่งรายได้น้อยยิ่งใช้จ่ายประหยัด
ง. ยิ่งรายได้น้อยยิ่งซื้อของฟุ่มเฟือยมากขึ้น
จ. รายได้กับค่าใช้จ่ายไม่มีความสัมพันธ์กัน
88. ในการทดสอบแบบไคร์สแควร์ข้อความข้อใดถูกต้องที่สุด
ก. ค่าไคร์สแควร์จะเป็นค่าบวกเสมอ
ข. เป็นการทดสอบความน่าจะเป็นของข้อมูล 2 ชุด
ค. เป็นการหาความสัมพันธ์ของตัวแปร 2 ตัว
ง. ค่าไคร์สแควร์ยิ่งมีค่ามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งยอมรับสมมติฐาน
จ. ค่าไคร์สแควร์จะอยู่ระหว่าง -1 ถึง +1
89. สถิติที่ใช้ทดสอบสมมติฐานเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างมัชฌิมของประชากร 2 กลุ่มคืออะไร
ก. ค่าไคร์สแคร์
ข. ค่าสหสัมพันธ์
ค. ค่าความแปรปรวน
ง. ค่า T-test และ Z – test
จ. ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
90. ข้อความต่อไปนี้ข้อใดถูกต้องที่สุด
ก. การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อความรวดเร็วควรใช้สถิติที่ง่ายที่สุด
ข. ผู้วิจัยไม่จำเป็นต้องเข้าใจถึงเป้าหมายของการวิจัยทุกครั้งไป
ค. การเลือกใช้สถิติวิเคราะห์ข้อมูล ต้องดูเป้าหมายของการวิจัยเป็นหลัก
ง. เพื่อความน่าเชื่อถือของข้อมูล ผู้วิจัยควรใช้สถิติเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลแบบยาก
จ. ในการเลือกใช้สถิติวิเคราะห์ข้อมูล ไม่จำเป็นที่ผู้วิจัยต้องทำความเข้าใจถึงเป้าหมายของสถิติเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลแต่ละประเภท
หน่วย ที่ 10
จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (บันทึกคำตอบลงในสมุดแบบฝึกหัด)
91. ส่วนที่สำคัญที่สุดของรายงานผลงานวิจัยที่ผู้บริหารใช้เป็นแนวทางปฏิบัติงานต่อไปคือข้อใด
ก. ผลของการวิจัย
ข. บทคัดย่อ
ค. บทนำ
ง. ข้อเสนอแนะ
จ. วัตถุประสงค์ของการวิจัย
92. แผนภูมิประเภทใดที่ทำให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกสมจริงมากที่สุด
ก. แผนภูมิแผนที่
ข. แผนภูมิรูปภาพ
ค. แผนภูมิวงกลม
ง. แผนภูมิเส้น
จ. แผนภูมิแท่ง
93. อุปกรณ์ที่ใช้ให้การนำเสนอด้วยปากเปล่ามีความน่าสนใจ ทำความเข้าใจผลงานวิจัยได้เร็วขึ้นคือข้อใด
ก. เอกสาร
ข. แผ่นใส
ค. วีดิทัศน์
ง. ภาพยนตร์
จ. ถูกทุกข้อ
94. ข้อใดไม่ได้เป็นส่วนประกอบในภาคผนวกของรายงานผลการวิจัย
ก. บรรณานุกรม
ข. ค่าสถิติต่าง ๆ
ค. ตาราง
ง. เครื่องมือเก็บข้อมูล
จ. แผนการสุ่มตัวอย่าง
95. ทำไมต้องมีการติดตามผลการวิจัยหลังจากนำเสนอรายงานต่อฝ่ายที่เกี่ยวข้องแล้ว
ก. เพื่อนำผลของการติดตามผลมาปรับปรุงการทำวิจัยครั้งต่อไป
ข. เพื่อจับผิดการทำงานของฝ่ายปฏิบัติงานภาคสนาม
ค. เพื่อจะได้ประมาณการค่าใช้จ่ายได้อย่างถูกต้อง
ง. เพื่อการนำผลการวิจัยไปใช้ปฏิบัติงานได้จริง
จ. เพื่อให้ทราบข้อดี ข้อเสียของการทำรายงาน
96. เพื่อไม่ให้ผลิตภัณฑ์ใหม่ประสบความล้มเหลวในการนำออกสู่ตลาดกิจการควรดำเนินการอย่างไร
ก. ทดสอบตัวผลิตภัณฑ์ก่อนจำหน่ายจริง
ข. ศึกษาช่องทางการจัดจำหน่ายที่ทำให้ผู้บริโภคได้รับความพอใจสูงสุด
ค. นำผลิตภัณฑ์ออกสู่ท้องตลาดเลย ถ้าหากมีการทดสอบแนวความคิดผลิตภัณฑ์แล้ว
ง. ถ้ากิจการผู้ผลิตมีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับอยู่แล้ว ก็นำออกจำหน่ายในท้องตลาดได้เลย
จ. ทดสอบแนวความคิดผลิตภัณฑ์ ผ่านการทดสอบตัวผลิตภัณฑ์ใหม่แล้วจึงนำออกจำหน่ายจริง
97. ทำอย่างไรจึงจะทำให้ผลิตภัณฑ์ของเราอยู่รอดในท้องตลาดตราบนานเท่านาน
ก. ทำการวิจัยตลาดอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ
ข. ใช้กลยุทธ์ราคาเป็นเครื่องมือในการรักษาตลาด
ค. ใช้การส่งเสริมการขายเข้าช่วยเมื่อยอดขายมีแนวโน้มลดลง
ง. ทำการโฆษราอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาแม้ยอดขายจะตกต่ำก็ตาม
จ. ปรับปรุงส่วนผสมทางการตลาดให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคตลอดเวลา
98. ทำไมระบบสารสนเทศ จึงมีบทบาทต่อการตัดสินใจของฝ่ายบริหารในยุคปัจจุบัน
ก. การแข่งขันในตลาดมีความรุนแรงขึ้น
ข. การตลาดมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ค. เทคโนโลยีต่าง ๆ เจริญก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ
ง. ความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
จ. ถูกทุกข้อ
99. ข้อความข้อใดถูกต้องที่สุด
ก. ผลิตภัณฑ์บางตัวมีศักยภาพของตลาด ในตลาดที่คาดไม่ถึง
ข. ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่มีโอกาสประสบความสำเร็จในตลาดน้อยมาก
ค. ผลิตภัณฑ์ที่จะเข้าสู่ตลาดทุกตัวมีโอกาสความเป็นไปได้ของตลาดเท่ากันหมด
ง. การนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดไม่จำเป็นต้องศึกษาโอกาสความเป็นไปได้ของตลาด
จ. การศึกษาศักยภาพของตลาดก็คือ การวัดประสิทธิภาพของการวางแผนการตลาดนั่นเอง
100. ช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จะสั้นหรือยาวขึ้นอยู่กับอะไร
ก. ผู้บริโภค
ข. คู่แข่งขัน
ค. ลักษณะตัวผลิตภัณฑ์
ง. ผู้ผลิตหรือผู้ประกอบอาหาร
จ. ถูกทุกข้อ